การตรวจติดตามภายในระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ISO 45001:2018
อัปเดตเมื่อ 28 มี.ค. 2566
ISO 45001:2018 เป็นมาตรฐานการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยให้องค์กรสามารถจัดการความเสี่ยงทางด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ การตรวจติดตามภายในระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ISO 45001:2018 จะช่วยให้องค์กรมีการตรวจสอบการดำเนินงานและการปฏิบัติตามมาตรฐาน ISO 45001:2018 เพื่อให้มั่นใจว่าองค์กรของพวกเขาสามารถป้องกันความเสี่ยงทางด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การตรวจติดตามภายในระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ISO 45001:2018 จะเริ่มต้นด้วยการตรวจสอบการดำเนินงานขององค์กรในแต่ละส่วนของระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย โดยการตรวจสอบนี้จะช่วยให้ผู้ตรวจสอบเข้าใจถึงกระบวนการทำงานขององค์กร และสามารถตรวจสอบว่าการดำเนินงานขององค์กรมีการปฏิบัติตามมาตรฐาน ISO 45001:2018 หรือไม่
การตรวจสอบภายในต่อมาจะเน้นไปที่การตรวจสอบเอกสารและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ผู้ตรวจสอบจะตรวจสอบว่าองค์กรมีการเก็บข้อมูลและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยอย่างถูกต้องและครบถ้วนหรือไม่ การตรวจสอบเอกสารและข้อมูลนี้จะช่วยให้ผู้ตรวจสอบเข้าใจถึงกระบวนการทำงานขององค์กรและสามารถตรวจสอบได้ว่าองค์กรมีการดำเนินการตามข้อกำหนดของมาตรฐาน ISO 45001:2018 หรือไม่
นอกจากนี้ การตรวจสอบภายในยังจะเน้นไปที่การตรวจสอบการดำเนินงานและการปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ใน ISO 45001:2018 โดยจะตรวจสอบว่าองค์กรมีการดำเนินการตามข้อกำหนดของมาตรฐานอย่างถูกต้องหรือไม่ นอกจากนี้ การตรวจสอบภายในยังสามารถช่วยให้องค์กรปรับปรุงกระบวนการทำงานและการปฏิบัติตามมาตรฐานได้อย่างต่อเนื่อง โดยการปรับปรุงดังกล่าวจะช่วยให้องค์กรป้องกันความเสี่ยงทางด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประเภทของการตรวจประเมิน
First Party Audit (Internal Audit)
Second Party Audit (Supplier Audit)
Third Party Audit (Certification Audit)
หลักการพื้นฐานการตรวจประเมิน
การดำเนินการด้วยความมีจริยธรรม
การนำเสนอข้อเท็จจริงอย่างถูกต้องเที่ยงตรง และยุติธรรม
การตรวจประเมินอย่างมืออาชีพ
ความเป็นอิสระ
การตรวจประเมินต้องอยู่บนพื้นฐานของหลักฐาน
บุคคลที่เกี่ยวข้องในการตรวจประเมิน
การตรวจประเมิน การตรวจติดตามภายในระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ISO 45001:2018 เป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับบุคคลในองค์กรหลายประเภท
หัวหน้าผู้ตรวจประเมิน (Lead Auditor)
ผู้ตรวจประเมิน (Auditor)
ผู้ว่าจ้างหรือผู้ร้องขอให้มีการตรวจประเมิน (Client)
ผู้ถูกตรวจประเมิน (Audittee)
คุณสมบัติส่วนบุคคลของผู้ตรวจประเมิน
มีจรรยาบรรณ มีความซื่อสัตย์
ไม่ลำเอียงไปทางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
มีความสุขุมรอบคอบ
เปิดใจ ไม่เอาความคิดตนเองเป็นใหญ่
ยึดตามหลักฐานจากการตรวจประเมินอย่างมีเหตุผล
เป็นผู้รับฟังที่ดีกับผู้รับการตรวจประเมิน
ทักษะในการเจรจาต่อรอง มีไหวพริบปฏิภาณดี
เป็นผู้ช่างสังเกต
เป็นผู้เข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้ง่าย
มีความคล่องตัวสามารถปรับตัวได้ง่าย
มีความมุ่งมั่นตั้งใจในจุดมุ่งหมายที่ต้องทำให้สำเร็จ
มีความสามารถในการตัดสินใจอย่างถูกต้องบนพื้นฐานของหลักฐาน เหตุผลด้วยการวิเคราะห์อย่างถูกต้อง เชื่อมโยงกับการทำงาน
มีความเชื่อมันในตนเอง
องค์ประกอบของแผนการตรวจประเมิน
1. วัตถุประสงค์ของแผนงานการตรวจประเมิน
1.1 มั่นใจว่าได้ดำเนินการสอดคล้องกับ
มาตรฐาน ISO 45001
เอกสารการทำงาน
วัตถุประสงค์ และนโยบายของระบบการจัดการ มาตรฐาน ISO 45001
กฎหมาย และข้อกำหนด
1.2 พัฒนาคู่ค้าทางธุรกิจในเรื่องความยั่งยืนของการดำเนินธุรกิจร่วมกัน
1.3 เตรียมความพร้อมจากการตรวจจากกรมส่งเสริมฯ
1.4 ทราบถึงแนวทางในการปรับปรุง จุดแข็ง จุดอ่อน และให้ข้อเสนอแนะ
1.5 ใช้ในการทบทวนโดยฝ่ายบริหารและการปรับปรุงระบบ
การตรวจติดตามภายในระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ISO 45001:2018 มีผลดีต่อองค์กรอย่างไร
การตรวจติดตามภายในระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ISO 45001:2018 มีผลดีต่อองค์กรได้แก่ :
ช่วยให้การดำเนินงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยมีประสิทธิภาพมากขึ้น: การตรวจติดตามภายใน ISO 45001:2018 ช่วยให้องค์กรสามารถตรวจสอบว่าระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยขององค์กรมีประสิทธิภาพและปฏิบัติตามมาตรฐานหรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้องค์กรปรับปรุงและปรับเปลี่ยนกระบวนการการทำงานที่ไม่เหมาะสม และมีผลต่อความปลอดภัยของพนักงานและสิ่งแวดล้อม
ช่วยให้การบริหารจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยมีความเป็นระบบ: การตรวจติดตามภายใน ISO 45001:2018 ช่วยให้องค์กรสามารถบริหารจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยขององค์กรให้เป็นระบบ ซึ่งจะช่วยให้องค์กรมีการวางแผนและดำเนินการในทิศทางที่ถูกต้อง ลดความผิดพลาดและเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
เพิ่มความมั่นใจของผู้สนใจภายนอก: การตรวจติดตามภายใน ISO 45001:2018 ช่วยให้ลูกค้าและผู้สนใจภายนอกมีความมั่นใจว่าองค์กรมีการบริหารจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยที่ดี และสามารถให้บริการหรือผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน
ช่วยลดค่าใช้จ่าย: การตรวจติดตามภายใน ISO 45001:2018 ช่วยให้องค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายโดยการปรับปรุงกระบวนการทำงานและลดการเสียหายและอุบัติเหตุซึ่งอาจเกิดขึ้นในอนาคต
เป็นเครื่องมือสำคัญในการตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมาย: การตรวจติดตามภายใน ISO 45001:2018 ช่วยให้องค์กรตรวจสอบว่าการดำเนินการขององค์กรตรงตามกฎหมายและข้อกำหนดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้ารับการประกาศรับรอง: การตรวจติดตามภายใน ISO 45001:2018 เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้องค์กรเตรียมตัวให้พร้อมกับการรับรอง ISO 45001:2018 ซึ่งเป็นการรับรองว่าระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยขององค์กรมีคุณภาพและปฏิบัติตามมาตรฐาน
สรุปแล้ว การตรวจติดตามภายในระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ISO 45001:2018 มีผลดีต่อองค์กรในหลายด้าน เช่น ช่วยให้องค์กรดำเนินงานได้อย่างราบรื่น และปลอดภัยมากขึ้น ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุและการบาดเจ็บ ช่วยเพิ่มความไว้วางใจของลูกค้าและพนักงาน ลดค่าใช้จ่ายโดยการปรับปรุงกระบวนการทำงาน ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้ารับการประกาศรับรอง ISO 45001:2018 และช่วยให้องค์กรประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในยุคที่มีการสำรวจและตรวจสอบระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยอย่างเข้มงวดในอุตสาหกรรมของเราวันนี้
รายการตรวจประเมิน (Checklist)
ข้อดี
สร้างความมั่นใจให้กับผู้ตรวจประเมิน
ช่วยให้มั่นใจว่าคำถามที่สำคัญไม่ได้ถูกมองข้าม
ช่วยให้ผู้ตรวจประเมินหลังจากที่ถูกเบี่ยงเบนประเด็น
ช่วยให้เป็นหลักฐานการตรวจประเมินในครั้งนั้นๆ
เพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิงให้กับผู้ตรวจประเมินครั้งต่อไป
ข้อเสีย
การตรวจประเมินจะไม่น่าสนใจหากใช้รายการตรวจประเมิน ซ้ำแล้วซ้ำอีก
การตรวจประเมินจะไม่ครบถ้วนถ้าจัดทำ รายการตรวจประเมิน ไม่ดี
การจัดเตรียมสถานที่เพื่อรองรับการตรวจสำหรับผู้รับการตรวจประเมิน
1) จัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นให้ผู้ตรวจประเมิน
2) ควรจัดให้มีผู้นำทางไปในพื้นที่ต่างๆ เนื่องจากพื้นที่หลายแห่งในองค์การอาจก่อให้เกิดอันตรายได้
3) ถ้าเป็นสำนักงานที่มีความเสี่ยงจากอุบัติเหตุต้องชี้แจงผู้ตรวจประเมินก่อนว่าถ้ามีเหตุฉุกเฉินควรดำเนินการอย่างไร เช่น ทางหนีไฟอยู่ที่ไหน พื้นที่รวมพลอยู่บริเวณใด สิ่งใดบ้างที่ไม่ควรทำในพื้นที่โรงงาน เป็นต้น
4) ให้ความสะดวกกับผู้ตรวจประเมินเท่าที่จะทำได้ และไม่ควรดำเนินการใด ๆ ที่ก่อให้เกิดการเสียเวลาในการตรวจประเมิน
5) สถานที่สำหรับการต้อนรับผู้ตรวจประเมินนั้นถ้าเป็นไปได้ควรมีการเตรียมพื้นที่เฉพาะ มีความสงบ สะอาด ไม่มีมลพิษ เพื่อให้ผู้ตรวจสำหรับการทำงานและการประชุมซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นในการจัดการ
ข้อกำหนดตามมาตรฐาน ISO45001:2018 ในแต่ละข้อ ว่าองค์กรต้องดำเนินการอะไรบ้าง
ข้อที่ 1. SCOPE (ขอบเขต)
ข้อกำหนดนี้บ่งบอกให้ทราบถึง ขอบเขตการใช้มาตรฐาน สำหรับการบริหารจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยฉบับนี้ ทุกองค์กรสามารถนำไปวางระบบได้ เพื่อให้องค์กรบรรลุ ผลลัพธ์การดำเนินธุรกิจ และพัฒนาปรับปรุงผลการดำเนินการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย และข้อกำหนดต่างๆที่เกี่ยวข้องและบรรลุวัตถุประสงค์ด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
ข้อที่ 2. NORMATIVE REFERENCE (เอกสารอ้างอิง)
มาตรฐาน ISO45001:2018 ไม่มีเอกสารอ้างอิงเป็นมาตรฐานที่องค์กรมาตรฐานระหว่างประเทศประกาศขึ้นมาเป็นฉบับแรก
ข้อที่ 3. TERMS AND DEFINITIONS ข้อกำหนดของมาตรฐานการจัดการ ISO45001:2018 ฉบับแรกนี้กำหนดคำนิยามและคำศัพท์ไว้ทั้งหมด 37 คำ โดยหากในเนื้อหาของมาตรฐานคำใดที่มีความเข้าใจที่แตกต่างกัน ให้ใช้ความหมายของคำนิยามที่มาตรฐานกำหนดไว้เป็นเกณฑ์ ข้อนี้องค์กรควรเขียนคำนิยามไว้เป็นเอกสารอ้างอิงของการจัดทำระบบโดยระบุไว้ใน คู่มือการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
ข้อที่ 4. CONTEXT OF THE ORGANIZATION (บริบทองค์องค์กร)
ข้อกำหนดของมาตรฐาน ISO45001:2018 กำหนดให้องค์กรจะต้องดำเนินการ 4 เรื่องด้วยกันดังต่อไปนี้
สำรวจประเด็นภายในและภายนอกขององค์กร ที่จะมีผลกระทบต่อระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
สำรวจความต้องการ ความคาดหวัง ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
กำหนดขอบเขตการจัดทำระบบอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ขององค์กรหรือสถานประกอบการ
กำหนดแนวทางการจัดทำระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยขององค์กร
โดยในข้อกำหนดที่ 4 นี้ ให้จัดทำแบบฟอร์มการสำรวจประเด็น ภายใน, ภายนอก และความต้องการความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย และเขียนเอกสารสารสนเทศเพื่อการกำหนดขอบเขตการจัดทำระบบให้ชัดเจน
ข้อที่ 5. LEADERSHIP AND WORKER PARTICIPATION (ความเป็นผู้นำและการมีส่วนร่วม)
ในข้อกำหนดนี้ ให้องค์กรจัดทำและวางระบบที่สะท้อนประเด็นหลักๆที่มาตรฐานกำหนดไว้ 4 เรื่องดังนี้
กำหนดความมุ่งมั่นของผู้นำและผู้บริหารด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยโดยจะต้องกำหนดให้ชัดว่าจะเน้นอะไร จะทำอะไรและแสดงออกอย่างไรให้เป็นรูปธรรม
ผู้บริหารสูงสุดต้องกำหนดนโยบายอาชีวอนามัยและความปลอดภัยและสื่อสารให้ทั่วถึงทั้งองค์กร
ผู้บริหารทุกระดับจะต้องกำหนดโดยสร้างการบริหาร บทบาท อำนาจ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของผู้บริหารและพนักงานทุกระดับทุกตำแหน่ง
ต้องกำหนดวิธีการขั้นตอนการเข้ามามีส่วนร่วมในด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของพนักงาน
ข้อที่ 6. PLANNING (การวางแผน)
ในข้อกำหนดนี้ ให้องค์กรวางแผนการดำเนินงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย 2 เรื่องหลัก ๆ ดังนี้
วางแผนดำเนินการจัดการความเสี่ยงและโอกาสด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ทั้งความเสี่ยงในองค์กร และความเสี่ยงด้านการบริหารจัดการ
กำหนดวัตถุประสงค์เป้าหมายและแผนการดำเนินการปฏิบัติ
โดยองค์กรต้องกำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยให้ชัดเจน สอดคล้องกับ ความเสี่ยงและโอกาสขององค์กร รวมทั้งกำหนดแผนการดำเนินการ ทรัพยากรและผู้รับผิดชอบให้ชัดเจน
ข้อที่ 7. SUPPORT (การสนับสนุน)
ในข้อกำหนดนี้ องค์กรจะต้องจัดทำกิจกรรมที่สำคัญ รวมทั้งหมด 5 เรื่องดังนี้
กำหนดทรัพยากรที่จำเป็นในการจัดทำระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ให้เพียงพอ เหมาะสม พร้อมใช้งานใน เช่น งบประมาณ บุคลากร อุปกรณ์ต่างๆ เป็นต้น
กำหนดความรู้ความสามารถบุคลากรทุกระดับทุกตำแหน่ง เพื่อที่จะดำเนินการตามระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ที่กำหนดไว้
การสร้างจิตสำนึกด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยให้กับบุคลากรในองค์กร โดยวิธีการที่เหมาะสมกับกลุ่มต่าง ๆ
จัดทำระบบการสื่อสาร ด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยภายในองค์กรและภายนอกองค์กรให้สะดวก ทั่วถึง และมีการปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ
จัดทำเอกสาร สารสนเทศ ด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องใช้ปฏิบัติตามระบบที่มีการออกแบบหรือวางระบบไว้ รวมทั้งต้องมีการควบคุมจัดการเอกสารสารสนเทศให้มีความทันสมัย
ข้อที่ 8. การปฏิบัติงาน (OPERATION)
ในข้อกำหนดข้อนี้ องค์กรจะต้อง ดำเนินการอยู่ 2 เรื่องหลัก ๆ ดังนี้
การวางแผนและการควบคุมการดำเนินงาน เพื่อให้เกิดอาชีวอนามัยและความปลอดภัยที่เหมาะสมของหน่วยงานต่าง ๆ ในองค์กร โดยให้ใช้ข้อมูลของความเสี่ยงและโอกาสด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยขององค์กรเป็นฐานข้อมูลในการพิจารณา โดยเน้นการกำจัดอันตราย, และการลดความเสี่ยง,การบริหารจัดการความเปลี่ยนแปลง,การจัดซื้อจัดจ้าง,การควบคุมผู้รับเหมาและการควบคุมผู้รับจ้างเหมาช่วง (OUTSOURCE)
การเตรียมความพร้อมการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน โดยในข้อนี้องค์กรต้องจัดทำมาตรการ การรับมือกับเหตุฉุกเฉินในรูปแบบต่างๆที่มีโอกาสเกิดขึ้นในองค์กร โดยเน้นทั้งมาตรการก่อนเกิดเหตุการณ์,ขณะเกิดเหตุการณ์และหลังเหตุการณ์สงบหรือยุติลง นอกจากนี้จะต้องมีการฝึกซ้อมแผนหรือมาตรการต่างๆ ให้เกิดทักษะและเกิดความชำนาญ
ข้อที่ 9. PERFORMANCE EVALUATION (การประเมินสมรรถนะ)
ในข้อนี้ องค์กรจะต้องดำเนินการอยู่ 3 เรื่องหลักๆด้วยกันคือ
การติดตาม วัดผล การวิเคราะห์และการประเมินด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย เพื่อทราบว่าสถานะต่างๆ อยู่ที่ระดับใดมีข้อจำกัด หรือปัญหาอุปสรรคอยู่ที่จุดใด การแก้ไขปัญหาจึงจะดำเนินการได้ทันท่วงทีและถูกต้องตรงประเด็น
การตรวจติดตามภายใน เพื่อให้รู้สถานะความครบถ้วนสมบูรณ์ของระบบการจัดการ ด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยตามข้อกำหนดทุกข้อ เพื่อที่จะได้นำข้อบกพร่องของระบบไปสู่การแก้ไข ต่อไป
การประชุมทบทวนการจัดการ โดยในข้อนี้ผู้บริหารสูงสุด และผู้บริหารทุกระดับจะต้อง ประชุมทบทวนผลการดำเนินงาน ด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในทุกๆข้อที่ได้ดำเนินการ เพื่อให้ฝ่ายบริหารทราบถึงผลการดำเนินการ และความคืบหน้าต่างๆ โดยความถี่ของการประชุมขึ้นอยู่กับองค์กรเป็นผู้กำหนด รวมทั้งรูปแบบวิธีการ ประชุมด้วย เช่นกัน
ข้อที่ 10. INPROVEMENT (การปรับปรุง)
ในข้อกำหนดนี้ มาตรฐานเน้นให้องค์กรมีการพัฒนาปรับปรุง ระบบการบริหารจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย โดยเน้น 3 ด้านดังนี้
การดูผลลัพธ์ของระบบการบริหารจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยหากไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดก็จะต้องตัดสินใจดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อนำไปสู่การพัฒนา/ปรับปรุง ให้ดีขึ้น
การจัดการกับสิ่งที่เป็นข้อบกพร่อง,ปัญหา และความไม่สอดคล้องต่างๆ เช่นอุบัติเหตุ/อุบัติการณ์ เป็นต้น เพื่อเป้าหมายหลักคือการไม่ให้เกิดปัญหานี้เกิดขึ้นซ้ำ
การพัฒนาระบบอย่างสม่ำเสมอ โดยเน้นให้เหมาะสมกับองค์กร โดยทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นภาพรวมที่สำคัญ ๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจในลำดับขั้นของการจัดทำระบบ รวมทั้งสรุปสาระสำคัญหลักๆ ที่มาตรฐานได้มีการกำหนดเอาไว้ หากต้องการที่จะจัดทำระบบตามมาตรฐาน ISO45001:2018 ผู้เขียนขอเสนอให้องค์กร ค้นหารายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกในการนำมาจัดวางระบบที่สมบูรณ์ต่อไป
ขั้นตอนการตรวจติดตามภายในระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ISO 45001:2018
ขั้นตอน การตรวจติดตามภายในระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ISO 45001:2018 สามารถแบ่งออกเป็นขั้นตอน ดังนี้
การเตรียมการตรวจสอบ: ผู้ตรวจสอบจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการเข้าไปตรวจสอบภายในองค์กร โดยมีการทบทวนข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยขององค์กร เช่น การทบทวนการดำเนินงานในที่ทำงาน การตรวจสอบเอกสารต่างๆ เป็นต้น
การเข้าตรวจสอบ: ผู้ตรวจสอบจะเข้าไปตรวจสอบภายในองค์กรตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในแผนการตรวจสอบ โดยจะต้องเข้าใจกระบวนการทำงานขององค์กรและสามารถตรวจสอบการปฏิบัติตามมาตรฐาน ISO 45001:2018 ได้
การบันทึกผลการตรวจสอบ: ผู้ตรวจสอบจะต้องบันทึกผลการตรวจสอบทั้งหมดที่ได้ทำไว้ โดยระบุประเด็นที่ต้องปรับปรุงและแนะนำวิธีการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น
การเตรียมแผนการปรับปรุง: องค์กรจะต้องพิจารณาผลการตรวจสอบและกำหนดแผนการปรับปรุงเพื่อสามารถปรับปรุงกระบวนการทำงานให้ดียิ่งขึ้นตามมาตรฐาน ISO 45001:2018
การดำเนินการปรับปรุง: องค์กรจะต้องดำเนินการปรับปรุงตามแผนการปรับปรุงที่กำหนดไว้ในแผนการปรับปรุง โดยผู้รับผิดชอบฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการตามแผนการปรับปรุงที่กำหนดไว้
การติดตามและประเมินผล: องค์กรจะต้องติดตามและประเมินผลของการปรับปรุงที่ดำเนินการไว้เพื่อตรวจสอบว่าการปรับปรุงได้ทำให้กระบวนการทำงานดีขึ้นตามมาตรฐาน ISO 45001:2018 หรือไม่ และต้องปรับปรุงการดำเนินงานอีกต่อไป
การรายงานผล: ผู้ตรวจสอบจะต้องรายงานผลการตรวจสอบและแนะนำการปรับปรุงให้กับผู้บริหารองค์กร เพื่อให้ผู้บริหารสามารถปรับปรุงกระบวนการทำงานให้ดียิ่งขึ้นตามมาตรฐาน ISO 45001:2018 ได้อย่างเหมาะสม
การดำเนินการปรับปรุง: หลังจากได้รับรายงานผลการตรวจสอบและแนะนำการปรับปรุงจากผู้ตรวจสอบ ผู้บริหารองค์กรจะต้องดำเนินการปรับปรุงกระบวนการทำงานตามแผนการปรับปรุงที่กำหนดไว้
การตรวจสอบ: หลังจากดำเนินการปรับปรุงกระบวนการทำงานแล้ว จะต้องมีการตรวจสอบในระยะสั้น ๆ เพื่อตรวจสอบว่าการปรับปรุงที่ดำเนินการไว้เป็นไปตามแผนการปรับปรุงหรือไม่ และว่าการปรับปรุงนั้นได้ทำให้กระบวนการทำงานดีขึ้นตามมาตรฐาน ISO 45001:2018 หรือไม่
การส่งเสริมและพัฒนา: องค์กรจะต้องส่งเสริมและพัฒนาการปรับปรุงต่อไป เพื่อให้มีการพัฒนากระบวนการทำงานตามมาตรฐาน ISO 45001:2018 อย่างต่อเนื่อง และมีการพัฒนาความรู้และทักษะของพนักงานเพื่อให้สามารถปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยตามมาตรฐาน ISO 45001:2018 ได้
สำหรับ การตรวจติดตามภายในระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ISO 45001:2018 นั้น คุณอาจต้องใช้เครื่องมือหรือเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อช่วยในการตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้
การใช้ซอฟต์แวร์: การใช้ซอฟต์แวร์สามารถช่วยให้คุณสามารถจัดการข้อมูลได้ดีขึ้น และเป็นการลดเวลาในการตรวจสอบข้อมูลที่มีปริมาณมาก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นการตรวจสอบข้อมูลประจำเดือน หรือปี
การใช้เครื่องมือทางอิเล็กทรอนิกส์: การใช้เครื่องมือทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ สามารถช่วยในการรวบรวมข้อมูลและประเมินผลการดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว และสะดวกสบายมากขึ้น
การใช้ระบบเฝ้าระวัง: การใช้ระบบเฝ้าระวังช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบการดำเนินงานของระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยได้อย่างรวดเร็ว และแจ้งเตือนให้ทราบเมื่อมีปัญหาหรือข้อผิดพลาดใด ๆ เกิดขึ้น
การใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตของสรรพคุณ: การใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตของสรรพคุณ เช่น การใช้เซ็นเซอร์เพื่อตรวจจับและรายงานสภาพแวดล้อม หรือการใช้ระบบสารสนเทศภายในเพื่อประสานงานระหว่างทีมงานและตรวจสอบข้อมูลที่สร้างขึ้นได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
การสร้างแบบฟอร์ม: การสร้างแบบฟอร์มที่เป็นไปตามความต้องการของระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ISO 45001:2018 เพื่อช่วยในการรวบรวมข้อมูลและให้กับผู้ใช้งานต่าง ๆ ในองค์กร
การใช้เทคนิคการสอบสวน: เทคนิคการสอบสวนเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจสอบการดำเนินการของระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย โดยการสอบสวนจะเน้นการตรวจสอบข้อมูลที่มีความสอดคล้องกับระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย เพื่อตรวจสอบว่าระบบการจัดการนั้นมีประสิทธิภาพหรือไม่
Comments